เชื่อว่าในยุคสมัยปัจจุบัน หลายคนคุ้นหูกับคำนี้หรือพบเห็นสิ่งปลูกสร้างตามแนวทางรถไฟฟ้าทั้งบีทีเอสและเอ็มอาร์ที หรือตามแนวธุรกิจใจกลางเมืองย่านสำคัญต่างๆมากมายนอกจากนี้ยังมีคอนโดมีเนียมแบบพักตากอากาศ เพราะไม่ใช่แค่บ้านพักตากอากาศอย่างเดียวที่ได้รับความนิยมคอนโดพักตากอากาศต่างจังหวัดก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน ไม่เพียงแค่เป็นที่อยู่อาศัย ยังต่อยอดเป็นรายได้ให้แก่นักลงทุนที่สนใจซื้อคอนโดไว้ปล่อยเช่าอีกด้วยป็นการสร้างรายได้อีกทาง แล้วใครละที่มีสิทธิซื้อคอนโดบ้าง ต้องบอกก่อนเลยว่าใครๆก็มีสิทธิซื้อได้เพราะคอนโดสามารถซื้อได้ทั้งเงินสดและแบบกู้ซื้อ และถึงแม้การกู้ซื้อคอนโดแม้จะไม่แตกต่างจากการยื่นขอสินเชื่อบ้านเท่าใดนัก และหลายคนยังไม่ทราบขั้นตอน วันนี้มีขั้นตอนในการยื่นกู้ เพื่อให้สามรถกู้ผ่านได้ง่ายและเป็นเจ้าของคอนโดได้จริง
1.ตรวจสอบความพร้อมก่อนยื่นกู้คอนโด
ขั้นตอนแรกก่อนที่จะยื่นกู้ทีอยู่อาศัย ให้คำนวณรายได้ต่อเดือนว่ารายรับเท่าไหร่ มีภาระอะไรบ้างที่ยังต้องผ่อนอยู่นอกเหนือจากคอนโดที่กำลังจะซื้อ ซึ่งคุณสามารถคำนวณยอดผ่อนต่อเดือนด้วยโปรแกรมคำนวณสินเชื่อได้ ตรวจสอบความพร้อมของคุณให้มั่นใจก่อนตัดสินใจกู้ซื้อคอนโด
2.เตรียมหลักฐานแสดงที่มารายได้ที่น่าเชื่อถือ
ที่มาของรายได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การกู้ของคุณนั้นดำเนินการรวดเร็วขึ้นได้ และยังแสดงถึงความน่าเชื่อถือในการประกอบอาชัพและศักยภาพในการผ่อนค่า ปัจจัยสำคัญที่ธนาคารจะขอตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคุณก็คือ รายการการเดินบัญชี หรือ Statement ของคุณย้อนหลัง ประมาณ 6 เดือน ก่อนยื่นขอสินเชื่อ
3.ดูความพร้อมในการชำระหนี้
สิ่งที่จะทำให้เครดิตของคุณเสีย และกลายเป็นบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือในด้านการเงินก็คือ ภาระหนี้สินที่มีอยู่มากและการมีประวัติค้างชำระหนี้ใน “เครดิตบูโร” เมื่อยื่นขอสินเชื่อ ธนาคารจะขอประวัติหนี้สินของผู้ยื่นกู้จากเครดิตบูโรเพื่อตรวจสอบดูว่าบุคคลนี้เคยค้างชำระหรือไม่ ซึ่งหากมีประวัติค้างชำระ โอกาสที่จะยื่นของสินเชื่อผ่านก็น้อย และถ้าหากค้างชำระและยังไม่สามารถสะสางหนี้เก่าได้ ธนาคารก็จะไม่อนุมัติสินเชื่อให้
4. พิจารณาความน่าเชื่อถือของโครงการคอนโด
ความน่าเชื่อถือของโครงการเนส่วนสำคัญ เพราะบางโครงการเป็นโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จควรตรวจสอบให้ดีหากกู้ไปแล้ว มีปัญหาภายหลังจะไม่ได้ทั้งคอนโดแถมยังเสียเงินฟรี
5. เตรียมเงินก้อนแรกสำหรับซื้อคอนโด
เพราะการซื้อคอนโดไม่ได้มีแค่ค่างวดผ่อนอย่างเดียวควรสำรองไว้จ่ายในส่วนต่างๆแบ่งเป็น 5-30% สามารถจำแนกค่าใช้จ่ายได้ การเตรียมเงินก้อนแรกจะช่วยให้คุณมั่นใจว่าจะมีเงินซื้อคอนโด ได้จริง และจะไม่เดือนร้อนจากการผ่อนสินเชื่อ
- ค่าจอง
- ค่าทำสัญญาจะซื้อจะขาย
- เงินสำหรับดาวน์และส่วนต่าง
- ค่าจดจำนอง
- ส่วนกลาง
6. เตรียมเอกสารขอสินเชื่อให้พร้อม
เอกสารที่ต้องเตรียมก่อนยื่นกู้ซื้อคอนโดก็ไม่ได้แตกต่างจากการยื่นกู้ซื้อบ้าน เพราะต่างก็มีจุดประสงค์เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ดังนั้น เอกสารที่ต้องเตรียม ได้แก่
เอกสารส่วนบุคคล
- บัตรประจำตัวประชาชน / บัตรข้าราชการ / บัตรรัฐวิสาหกิจ
- สำเนาทะเบียนสมรส / ใบหย่า / ใบมรณะบัตร (ถ้ามี)
- สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ – สกุล (ถ้ามี)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนคู่สมรส (ถ้ามี)
เอกสารทางการเงิน
พนักงานประจำ
- ใบรับรองเงินเดือน / หนังสือผ่านสิทธิสวัสดิการ
- สลิปเงินเดือนหรือหลักฐานการรับเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
- สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน (กรณีอาชีพประจำ)
ผู้ประกอบอาชีพอิสระ
- สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 12 เดือน/หลักฐานแสดงฐานะการเงินอื่นๆ (พร้อมเอกสารฉบับจริง)
- สำเนาทะเบียนการค้า/ทะเบียนบริษัท/ห้างหุ้นส่วน
- หลักฐานการเสียภาษีเงินได้
- รูปถ่ายกิจการ
- สำเนาใบประกอบวิชาชีพ
เอกสารหลักประกัน
- สำเนาหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย
- สำเนาหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดทุกหน้า
- หลักฐานการผ่อนดาวน์ (ถ้ามี)
ทั้งนี้ ธนาคารอาจขอเอกสารต่างๆ ของผู้กู้เพิ่มเติม เพื่อใช้ประกอบพิจารณาการให้สินเชื่อ
7. เลือกธนาคารกู้ซื้อคอนโด
วิธีการเลือกธนาคารเพื่อขอสินเชื่อนั้น โดยมากจะพิจารณาจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ อัตราดอกเบี้ย และวงเงินกู้
อัตราดอกเบี้ย
สิ่งแรกที่ทุกคนสนใจเมื่อจะขอสินเชื่อ คือ อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของแต่ละธนาคารว่าที่ใดดอกเบี้ยต่ำที่สุด ซึ่งวิธีการเลือกดูว่าที่ใดให้ดอกเบี้ยต่ำ ควรหาค่าเฉลี่ยดอกเบี้ย 3 ปี เพราะเป็นช่วงที่ไม่สามารถรีไฟแนนซ์หนี้ไปที่อื่นได้
วงเงินกู้
วงเงินกู้ที่ธนาคารให้ได้ เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกธนาคารขอสินเชื่อ เพราะหากได้วงเงินกู้ที่สูงก็จะช่วยลดภาระรายจ่ายในช่วงแรกของการซื้อคอนโดได้ หรือมีเงินเหลือสำหรับตกแต่งห้อง ทั้งนี้ การได้วงเงินกู้ที่สูงอาจขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือของโครงการคอนโดด้วยหรือการทำสัญญาร่วมกันระหว่างโครงการกับธนาคาร
นอกจากปัจจัยทั้ง 2 ข้อข้างต้นแล้ว สิ่งที่ควรนำมาพิจารณาอีกคือระยเวลาผ่อนชำระ หากได้ระยะเวลาผ่อนที่ยาวนานขึ้นก็จะช่วยให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลงมา เช่น ผ่อนได้นาน 40 ปี ยอดผ่อนต่อเดือนอาจลดลงจากการผ่อน 30 ปี ถึง 1,000 – 3,000 บาท ได้ และเมื่อมีรายได้มากขึ้นคุณก็สามารถนำเงินมา “โปะ” ยอดหนี้ได้ เพื่อปรับลดระยะเวลาผ่อนชำระให้เหมาะสมกับความสามารถในการผ่อน
ในการเป็นเจ้าของคอนโดนั้นไม่ใช่เรื่องยากเพียงแต่ต้องอาศัยการวางแผนและความเข้าใจ รวมทั้งต้องศึกษาโปรโมชั่นต่างๆของโครงการที่เราสนใจด้วย ยกตัวอย่างเช่นโครงการ ดิ 88 คอนโดหัวหินในเครือทรัพย์สิริ คอนโดที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและดูห้องตัวอย่างได้ที่นี่